การตอกเส้น
การตอกเส้น คือ การรักษาอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับเส้นและโรคต่างๆ ในร่างกาย โดยการใช้ลิ่มและค้อนตอก เป็นการกระตุ้นสั่นสะเทือน ใช้ในการรักษาโรคอัมพฤกษ์
อัมพาต เส้นเอ็นพิการ กระดูกทับเส้นปวดข้อ ปวดทั่วร่างกาย เส้นเลือดตีบตัน โรคชามือ ชาเท้า โรคเหน็บชา ฯลฯ ในสมัยก่อน การตอกเส้นไม่เป็นที่สนใจของคนมากนัก
เพราะในสมัยนั้นเป็นการรักษาแบบพื้น ๆ ผู้ที่จะทำการรักษาโดยการตอกเส้นจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเส้นต่างๆ ของร่างกาย โดยการตอกเส้นในสมัยก่อนนั้น ทำโดยการใช้
ผ้าขาวม้าพนเป็นเกลียว ทุบตรงจุดที่ปวดซึ่งอาการปวดจะดีขึ้น ต่อมาเห็นช่างแกะสลักใช้ค้อนตอกที่แกะไม้เป็นรูปต่าง ๆ ประกอบกับมีความรู้ทางเส้น ก็ดูไปตามเส้นแล้วคิด
เป็นท่า มีสิบกว่าท่า และพัฒนามาใช้ค้อนตอกแทนการใช้ผ้าขาวม้าทุบ
การตอกเส้น เป็นการรักษาที่คลายเส้นได้เร็วกว่าการนวด เพราะจะมุ่งเน้นการกระตุ้นจุดหรือเส้นสำคัญในร่างกายของคน หมอบางคนอาจใช้การตอกเส้นร่วมกับการนวด
โดยการตอกจุดที่เส้นตึงมาก ๆ จนเส้นหย่อนคลายลง แล้วจึงนวดหรือเผาไฟต่อ อาการเจ็บป่วยก็จหายเร็วขึ้น โดยก่อนทำการบำบัดต้องทำพิธีไหว้ครูอาจารย์ มีการชุมนุม
พ่อหมอครู ทำการเสกเป่าค้อน และลิ่มที่จะใช้ตอกเส้น ในขณะที่ตอกเส้น อาจให้ผู้ป่วยนั่ง นอนคว่ำ นอนตะแคงหรือนอนหงาย แล้วแต่จุดที่จะตอก
การกด บีบ นวด
การกด บีบ นวด เป็นการรักษาแบบพิ้นบ้านล้านนาอีกแบบหนึ่ง โดยการใช้มือหรือศอกกดตามตำแหน่งต่างๆ ในร่างกายที่เจ็บปวด หรือการใช้มือบีบตามแนวเส้น
หรือใช้มือคลึงไปตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ การกด บีบ นวด ไม่เพียงแต่การรักษาเฉพาะที่เท่านั้น ยังสามารถใช้รักษาโรคและส่งผลถึงอวัยวะภายใน ที่ไกลออกไปได้ด้วย
การนวดจับเส้น
การนวดจับเส้น เป็นการนวดพื้นบ้านที่เน้นหนักเกี่ยวกับการนวดเส้น การนวดจับเส้นมีวิธีการในลักษณะต่างๆ ดังนี้
1. การบีบเส้น เป็นการนวดโดยใช้นิ้วทั้ง 4 จับตามแนวเส้น และบีบไล่ไปตามแนวเส้น เพื่อกรตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและลม ลดอาการปวดเมื่อยจากเส้นเอ็น
ตึงหดรัดเส้นลวด
2. การเขี่ยเส้น(การคิดเส้น) เป็นการจับเส้นโดยใช้นิ้วโป้ง กดบนเส้นด้านหนึ่ง แล้วใช้นิ้วกดรับอีกด้านหนึ่ง แล้วเขี่ยตวัดนิ้วโป้งขึ้นไปคนละด้านตามแนวเส้น
3. การโกยเส้น เป็นการจับเส้นโดยใช้ปลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว กดบนเส้นแล้วควักโกยขึ้น ส่วนมากใช้ในการโกยมดลูกหรือโกยเส้นในกรณีไส้เลื่อนในผู้ชาย
4. การประคองเส้น เป็นวิธีการจับเส้นที่ส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาผู้ที่มีการปากเบี้ยว โดยหมอจใช้มือข้างหนึ่งกดดันเส้นปากด้านที่มีอาการ แล้วใช้อีกมือหนึ่งประคอง
ด้านตรงข้าม
5. การดันเส้น เป็นวิธีการจับเส้นโดยใช้สันมือด้านหนึ่งผลกหรือดันไปตามแนวเส้น และใช้มืออีกด้านหนึ่งจับประคองอวัยวะนั้น ทำให้เส้นคลาย
6. การจกเส้น เป็นการแหย่นิ้วหัวแม่มือเข้าไปใต้กระดูกหรือกล้ามเนื้อ แล้วคิดหรือเขี่ยเส้นออกมา เส้นติดอยู่ข้างใน นวดเท่าไหร่ก็ไม่ออก
7. การถกเส้น เป็นการดึงเส้น เพื่อแก้เส้นสลับเข็ดที่ติดอยู่ข้างใน ที่นวดแล้วไม่ออก
8. การรีดเส้น เป็นวิธีการจับเส้น โดยใช้นิ้วหัวแม่มือ หรือส้นเท้ารีดไปตามเส้นทั่วทั้งร่างกาย เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก ส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่
เป็นโรคข้อ อัมพฤกษ์ อัมพาต ชามือ-เท้า
9. การเหยียบเส้น เป็นวิธีการจับเส้นโดยใช้เท้าเหยียบไปตามแนวเส้น ขา หน้าขา ขาด้านนอก ด้านใน กล้ามเนื้อน่องขึ้นไปหาเอว
ตำรายาแผนโบราณ
1. ยาแก้เบาหวาน
ให้นำเอารังผึ้ง ( ทั้งรังพร้อมตัวอ่อน ) 1 รัง เหล้า 1 ขวด หัวกระชาย 12 หัว เปลือกตะโกนา (ต้นตะโกดัด สด หรือแห้งก็ได้) จำนวน 3 เปลือก
นำตัวยาทั้ง 4 อย่าง มาดองเหล้ารวมกัน โดยนำรังผึ้งใส่ลงในโถหรือใส่ในโหล เทเหล้าลงผสมพอท่วมรังผึ้ง ใส่หัวกระชายต้องปอกเปลือกและทุบให้แตกเสียก่อน
และใส่เปลือกตะโกนา ลงผสมหมักดองไว้ 3 วัน ใช้น้ำยาดองนี้รับประทานครั้งละ 1 ถ้วยชาจีน เวลาก่อนอาหารเช้า-เย็น วันละ 2 เวลา ทุกวัน ติดต่อกัน
จนครบ 1 เดือน ส่วนขนานที่สอง ท่านให้เอาต้นเหงือกปลาหมอทั้งต้นตลอดจนถึงราก จำนวนพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง
บดเป็นผง จำนวน 6 ถ้วยชาจีน แล้วเอาพริกไทยอ่อน จำนวน 3 ถ้วยชาจีน บดให้ลเอียด ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทธา จำนวน 108 เม็ด
รับประทาน ครั้งละ 1 เม็ด เวลาก่อนอาหารเช้า-เย็นทุกวัน ติดต่อกันไปจนครบ 54 วัน แล้วโรคเบาหวานจะหายขาด เจ้าของยาขนานนี้ได้ใช้รักษาตวเองหายขาดมาแล้ว
มีสรรพคุณชะงัดนักแล.
2. ยารักษาโรคมะเร็ง
ให้นำเอาหัวยาข้าวเย็นเหนือ 1 หัวยาข้าวเย็นใต้ 1 กำมะถันเหลือง 1 ตัวยาทั้ง 3 อย่างนี้เอาหนักอย่างละ 4 บาทเท่ากัน กะลามะพร้าวแก่ ผ่าเป็น 4 ส่วน
เอา 3 ส่วน ตัวยาทั้ง 4 อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร
ใช้ดื่มยานี้ต่างน้ำชา จนน้ำยาจืด มีสรรพคุณรักษาโรคมะเร็ง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยมีผู้ป่วยใช้ตัวยานี้รักษาโรคมะเร็งหายมามากแล้ว.
3. ยารักษาโรคมะเร็งในมดลูก
ให้เอาหัวยาข้าวเย็นเหนือ 1 หัวยาข้าวเย็นใต้ 1 ต้นหนอนตายอยาก 1 รากนมแมว 1 หัวพุทธรักษาสีขาว 1 นำตัวยาทั้ง 5 อย่างนี้หนักอย่างละ 4 บาท
เท่ากัน เกลือทะเลที่ใส่แกง 1 กำมือ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้ดื่มยานี้ครั้งละ 1 ถ้วยชาวันละ 3 เวลา มีสรรพคุณรักษาโรคมะเร็งในมดลูก
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
4. ตำรายารักษาตับ จากตำรายาจีน
จันทั้งสอง สิ่งละ 1 บาท
ว่านกลีบแรต สิ่งละ 1 บาท
ว่านร่อนทอง สิ่งละ 1 บาท
เถาลิ้นเสื้อ สิ่งละ 1 บาท
ใบถั่วแระ สิ่งละ 1 บาท
รากมะแว้งทั้งสอง สิ่งละ 1 บาท
เกสรบัวหลวง สิ่งละ 1 บาท
เกสรบุนบาค สิ่งละ 1 บาท
บอระเพ็ด สิ่งละ 1 บาท
ลูกกระดอม สิ่งละ 1 บาท
หัวเต่านา สิ่งละ 1 หัว
หัวเตาร้าง สิ่งละ 1 หัว
รากซองแมว สิ่งละ 1 บาท
รากต่อไส้ สิ่งละ 1 บาท
กระเพรา สิ่งละ 1 บาท
กระพังโหม สิ่งละ 1 บาท
หัวเตาเขียด สิ่งละ 3 องคุลี
สมอไท สิ่งละ 15 ผล
สมอภิเภก สิ่งละ 10 ผล
มะขามป้อม สิ่งละ 30 ผล
ขมิ้นอ้อย สิ่งละ 5 แว่น
เกลือ สิ่งละ 7 เม็ด
ตะไคร้ สิ่งละ 7 หัว
กะลามีรู ตัด 4 ทิ้ง 3 เอาไว้ 1 ส่วน
นำยาทั้งหมดนี้ ต้มดื่มเช้า- เย็น รักษาโรคตับต่างๆ ทุกชนิด เช่น โรคตับทรุด ตับอักเสบ ตับโต ตับแข็งไวรัสลงตับ.
5. ยาแก้โรคเสียงแหบแห้ง
นำใบสังกรณีตรีชวา หรือหนุมานประสารกาย ที่มีขนาดกลางไม่แก่ หรืออ่อนเกินไป นำมาต้มกิน จะรักษาหลอดเสียง ที่แหบแห้งหรือ อาจนำหญ้าปักกิ่ง
มาต้มดื่มกินก็ใช้ได้เหมือนกัน
6. ยาแก้โรคงูสวัด
กำมะถันแดง 20 กรัม
ใบเสลดพังพอน 1 กำมือ
เหล้าขาว 1/2 ขวด
ตำใบเสลดพังพอน กับกำมะถันแดงให้ละเอียด ผสมกับเหล้าขาว ใช้ทาแก้โรคงูสวัด หรือใช้รังดินตวหมาล่า ที่อยู่ตามฝาผนังบ้าน ตามต้นไม้ นำมาผสม
กับน้ำส้มสายชู แล้วทาบริเวณที่เป็นโรคงูสวัดบ่อย ๆ แบบแห้งทา แห้งทา หัวงูสวัดจะฝ่อตกสะเก็ดหายไปเอง
หมายเหตุ ห้ามเกาแกะสะเก็ดแผล และห้ามอาบน้ำโดยเด็ดขาด
7. ยาน้ำมูตรเน่า แก้โรคอัมพฤกษ์ - เหน็บชา
เป็นยาที่พระพุทธองค์ ทรงกำหนดไว้ให้ภิกษุอาพาธใช้ มีกล่าวอยู่ในหนังสือบุพพสิกขา มีดังนี้
มะขามป้อม 1 สมอ 1 กระชาย 1 ข่า 1 ขิง 1 กระเทียม 1 เขาฮอ (บอระเพ็ด) 1 พริกไทย 1 ตะไคร้ 1
เกลือ 1 น้ำผึ้ง 1 ว่านไพร 1 ใบมะกรูด 1 ใบมะนาว 1 ใบผักหนอก (ใบบัวบก) 1 ผักอีเลศ (ใบช่าพลู) 1 ดีปลี 1
ใบมะขาม 1 ใบสะเดา (ใส่บ้างนิดหน่อย) ใบส่องฟ้าทั้งใบและราก ใบแมงลัก ใบกระเพรา พริกใหญ่ธรรมดา เยี่ยววัวดำต้ม
(เยี่ยววัวดำเป็นยาหลักขาดไม่ได้ เพราะเป็นโอสภสำคัญมากทีเดียว)
8. ยาแก้โรคความดันโลหิตสูง
ให้เอาต้นกาฝากมะม่วงทั้งห้า ( ทั้งต้นตลอดถึงราก ) จำนวนมากพอสมควร นำมาตากแดดให้แห้ง ใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้ดื่มตัวยานี้ต่างน้ำชา
มีสรรพคุณ แก้โรคความดันโลหิตสูง ให้ลดลง อาการปวดศีรษะจะหายไปได้ผลดี อย่างชะงัดนักแลฯ
9. ยาแก้โรคลมอัมพาต
ท่านให้เอาหัวกระเทียม 30 หัว หั่นกลางออกเป็นหัวละ 2 ท่อน ตากแดดให้แห้ง แล้วเอาขิงแห้ง 1 หัว แห้วหมู 1 โคกกระสุน 1
ตัวยาทั้ง 3 อย่างนี้ เอาน้ำหนัก เท่ากับน้ำหนักของหัวกระเทียม นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร
วิธีใช้ดื่มยาต่างน้ำชา มีสรรพคุณแก้โรคลมอัมพาต มีอาการมือตาย เท้าตายได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯลฯ
10. ยาแก้โรคหัวเข่าไม่มีกำลัง
ให้เอาพริกไทอ่อน หนัก 1 บาท ขิงสดแก่ ๆ หนัก 2 บาท ผิวมะกรูดหนัก 3 บาท หญ้าแพรกหนัก 6 บาท สารส้ม หนัก 16 บาท
นำตัวยาทั้ง 5 อย่างนี้ มาตำ หรือ บดให้ละเอียด ใช้พอกที่หัวเข่า มีสรรพคุณ แก้โรคหัวเข่า ไม่มีกำลังให้หาย ได้ผลดีนักแล ฯลฯ
11. ยาแก้โรคบวมทั้งตัว
ให้เอารากไม้ไฝ่สีสุก 1 รากมะนาว 1 รากส้มป่อย 1 เปลือกตะโกป่า 1 เปลือกต้นทองหลางน้ำ 1 ตัวยาทั้ง 5 อย่างนี้เอาหนักอย่างละ
1 บาท เท่ากัน นำมาบดเป็นผงละเอียด ปั้นเป็นแท่งใช้ละลายกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้ทาแก้โรคบวมทั้งตัว มีสรรพคุณชะงัดนกแลฯ
12. ยาแก้พิษไข้ ลิ้นกระด้างคางแข็ง
ให้เอาไส้ขนุนละมุด 1 ใบตำลึงสด 1 สะค้าน 1 ตัวยาทั้ง 3 อย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาตำให้ละเอียดผสมกับดีงูเห่า (พอสมควร) คั้นเอาเฉพาะ
น้ำยาให้ผู้ป่วยรับประทาน โดยงัดปากให้อ้าออกแล้วกรอกน้ำยาเข้าไป และใช้กากยาทาที่คาง และที่คอ มีสรรพคุณแก้พิษไข้ ซึ่งมีอาการทำให้ลิ้นกระด้าง
คางแข็ง อ้าปากไม่ออก และทำให้สลบได้ผลดีอย่างชะงัด